วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560


คู่รัก คู่ชีวิต


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปคู่รักคู่ชีวิต


มนุษย์ควรมีคู่รัก
เพื่อพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ภายใต้การนำของความรัก
คู่รัก ควรเป็นคู่ชีวิต
ที่ดำเนินชีวิตไปด้วยกัน
แต่ต้องไม่ครอบครองกันและกัน
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
แต่ไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดกัน
ร่วมปรึกษาหารือกัน
แต่ต้องไม่ครอบงำความคิดของกันและกัน
คู่รัก คู่ชีวิต ที่แท้จริง
ต้องให้อิสระเสรีแก่กันและกัน
ในการที่จะมีชีวิตอยู่
เพื่อที่จะได้เป็นคนๆเดียวกันอย่างแท้จริง
ความรักเป็นพระพรเพื่อความสุนทรีของชีวิต





ผู้เป็นที่รัก




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คู่รัก






ขณะใดเรียกกำลังหาความรัก

ขณะนั้นย่อมรักใครไม่ได้
ผู้ใดร้องขอความรัก
แน่นัก ว่าเขารักใครไม่เป็น
ผู้ที่ไม่ร้องขอความรัก
เขาจึงแจกจ่ายความรักของเขาได้
ผู้ที่ต้องการให้ผู้อื่นนิยมตน
เขาย่อมไม่เป็นตัวของเขาเอง
จงช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์
โดยมิได้หวังความเป็นที่รักตอบแทน
ความเป็นที่รักที่แท้จริง
จึงจะมีโอกาสเกิดขึ้น



ความรัก



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ความรัก


ความรักคือความพร้อมที่จะช่วยเหลือและรับผิดชอบ
ดังนั้นจึงเสียสละและกระทำได้บนความเบิกบานใจ
ความรักมีพฤติกรรมอันจำกัดรูปแบบมิได้
ดังนั้นจึงอยู่เหนือการอ้างอิง และวิจารณ์
ความรักไม่เรียกร้อง และไม่หวาดระแวง
ดังนั้นไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นล้วนมั่นใจในรักเสมอ
ความรักไม่อาจเสาะหา แต่ให้ได้ไม่รู้หมด
ดังนั้นยิ่งเสาะหายิ่งหาไกล ยิ่งให้ยิ่งมีมากขึ้น
ความรักทำลายความกลัว และความเศร้าหมอง
ดังนั้นจึงปลดเปลื้องพันธนาการแห่งความลุ่มหลง
ความรักเป็นสัมพันธภาพที่เหนือกว่าพันธะทั้งมวล
ดังนั้นความรักเท่านั้นที่จะสร้างสันติภาพขึ้นได้
ความรักหล่อเลี้ยง และเป็นพลังที่แท้จริงของชีวิต
ดังนั้นไร้รัก ชีวิตก็ย่อมจืดชืด และสิ้นคุณค่า
ความรักย่อมไม่ปฏิเสธสิ่งใดแม้กระทั่งความเกลียด




การรับผิดชอบ





ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ความรับผิดชอบ



เมื่อช่างไม้สร้างบ้านสำเร็จลง
ก่อนส่งมอบแก่เจ้าของ
ความหวั่นวิตก ไม่ทำให้บ้านแข็งแรงขึ้น
เมื่อครูสอนศิษย์ด้วยความตั้งใจดี
การห่วงกังวล ไม่ทำให้ศิษย์พบความสมหวัง
การรับผิดชอบ
คือการยอมรับความเป็นจริงเฉพาะหน้า
ผู้รับผิดชอบย่อมมั่นคง
และแย้มยิ้มอยู่ได้ ในทุกสถานการณ์
เพราะความมั่นคงและรอยยิ้ม
สามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้าย
ให้ดีขึ้นได้อย่างน่าประหลาด
กิจของผู้รับผิดชอบ
สั้น เรียบง่าย และจำเป็นต่อชีวิต
ไร้ความสั้น เรียบง่าย และจำเป็นต่อชีวิต
ก็คือไร้การรับผิดชอบ
อย่าเรียกหาความทุกข์แต่จงต้อนรับด้วยดีเพราะความทุกข์เป็นเพื่อนและพลังเพียงระวังอย่าให้มันลามปาม




ความผิดพลาด



      ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ความผิดพลาด


เมื่อสุนัขตกจากสะพานชำรุดสู่ลำน้ำ
มันรีบว่ายขึ้นฝั่ง เชิดหน้า สะบัดขน
ไม่บ่นว่า หรือด่าทอสะพาน
และก็ไม่ร้องขานแก้ตัว
ไม่มีสัตว์โลกชนิดใดเลย
ที่จะแก้ตัวให้กับความผิดพลาดของมัน
มันจะทำในสิ่งที่เหมาะสมกว่า
นั่นคือ เริ่มต้นใหม่อย่างไม่ประมาท
เมื่อบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
ไยต้องพะวงกับการกล่าวหา
ยามผิดพลาดอย่าพะวงถึงการแก้ตัว
ใช้รอยยิ้ม และการกระทำดีแทนการแก้ตัวเถิด



ปลูกอะไร…ก็จะได้อย่างนั้น



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ปลูกอะไร ก็จะได้อย่างนั้น


นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งเริ่มแก่ตัวลง และต้องการหาคนมาสืบทอดธุรกิจ
แทนที่เขาจะเลือกผู้อำนวยการ หรือ ลูกของเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป
เขาเรียกนักบริหารหนุ่มๆในบริษัทของเขามารวมกัน และพูดว่า
“ถึงเวลาที่ฉันจะวางมือและเลือกคนที่จะเป็น CEO คนใหม่แล้วล่ะ” “และฉันก็จะตัดสินใจเลือกคนหนึ่งในพวกคุณนี่แหละ”
พวกหนุ่มต่างรู้สึกช็อค เขาพูดต่ออีกว่า “วันนี้ผมจะให้เมล็ดพืชแก่พวกคุณคนละเมล็ด เป็นเมล็ดพิเศษ คุณต้องดูแลและรดน้ำ
นับจากวันนี้ไปอีก 1 ปี และผมจะตัดสินจากต้นไม้ที่เจริญเติบโตขึ้น ที่พวกคุณนำมาให้ผม คนที่ผมเลือก จะได้เป็น CEO คนต่อไป”
นักบริหารหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ จิม เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มๆที่ได้รับการคัดเลือกในวันนั้น เขาได้รับเมล็ด มา 1 เมล็ด
และนำกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น เขาบอกภรรยา และช่วยกันเตรียมกระถาง ดิน และปุ๋ย เพื่อเตรียมปลูกต้นไม้
พวกเขาดูแลรดน้ำอย่างดีผ่านไปสามสัปดาห์ พวกนักธุรกิจหนุ่มคนอื่นได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเมล็ดพืชที่เขาได้รับและเริ่มเจริญเติบโต
แต่จิมก็เฝ้าดูทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีต้นอะไรงอกออกมา .. 3 สัปดาห์ผ่านไป .. 4 สัปดาห์ ผ่านไป.. 5 สัปดาห์ ผ่านไป
ก็ยังไม่เห็นอะไรในกระถาง ตอนนี้หนุ่มๆได้พูดถึงต้นไม้กันอีกแล้ว แต่จิมไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขาไม่เห็นต้นไม้ของเขา เขาเริ่มรู้สึกว่าล้มเหลว ผ่านไป 6 เดือน
ก็ยังไม่มีอะไรงอกขึ้นมา เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาได้ทำลายเมล็ดนั้นไปซะแล้ว
ทุกๆคนมีต้นไม้ที่เติบโตขึ้น ยกเว้นจิมที่ไม่มี แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังคงเฝ้าดูแลรดน้ำต่อไป
ผ่านไปครบ 1 ปี ทุกคนก็ได้นำต้นไม้ไปให้ CEOได้ตัดสิน… จิมพูดกับภรรยาว่า “ผมจะไม่เอากระถางเปล่าๆใบนี้ไปแน่”
ภรรยาบอกเขาว่าให้พูดความจริงออกไปว่ามันเป็นยังไง จิมรู้สึกว่าท้องปั่นป่วนไปหมด เป็นวินาทีที่เขารู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต
แต่เขาก็คิดว่าภรรยาของเขาพูดถูก ดังนั้นเขาจึงถือกระถางเปล่าๆ เข้าไปในห้องที่ได้นัดหมายกันไว้
เมื่อจิมมาถึง เขาแปลกใจมากว่า ทำไมต้นไม้ของคนอื่นถึงสวยและแข็งแรงกันหมดทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นกระถางของจิม
ส่วนใหญ่ก็จะหัวเราะเยาะ มี 2-3 คนเท่านั้นที่แสดงความเห็นใจ
เมื่อท่านประธานเข้ามาถึง เขาได้ทักทายทุกๆคน จิมได้แต่แอบหลบอยู่ข้างหลังห้อง
“โอ ทำไมต้นไม้ของพวกคุณถึงได้สวยกันเหลือเกิน เอาละ หนึ่งในพวกคนจะได้เลื่อนเป็นCEO กันวันนี้แหละ”
พอท่านประธานเห็นกระถางของจิม ที่อยู่ข้างหลังห้อง เขาก็บอกให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินเรียกจิมขึ้นมาข้างหน้า
จิมรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่าท่านประธานคงคิดว่าเขาล้มเหลว และเขาอาจจะถูกไล่ออก
เมื่อจิมเดินมาหน้าห้อง ท่านประธานก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ของคุณ” จิมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
แล้วท่านประธานก็บอกให้ทุกคนนั่งลง ยกเว้นจิมท่านมองมาที่จิมและก็ประกาศว่า “CEO คนต่อไปก็คือ……. จิม”
จิมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะต้นไม้ของเขาก็ไม่มี เขาจะได้เป็น CEO ได้อย่างไร และแล้วท่านประธานก็พูดว่า
“เมื่อปีที่แล้ว ผมได้ให้เมล็ดพืชกับพวกคุณทุกคน ให้พวกคุณดูแลรดน้ำมันทุกๆวัน แต่มันเป็นเมล็ดที่ต้มแล้ว ดังนั้น มันจะงอกเป็นต้น
ไม้ได้อย่างไร พวกคุณทุกคนยกเว้นจิม นำต้นไม้ที่สวยงามมาให้ผม นี่ก็แสดงว่าเมื่อพวกคุณพบว่าเมล็ดมันไม่งอก
พวกคุณก็เอาเมล็ดอื่นปลูกแทนน่ะสิ จิมเป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับความจริง และนำกระถางเปล่าพร้อมกับเมล็ดที่ผมให้มาให้ผม”
“ ดังนั้น ผมจึงแต่งตั้ง จิม ให้เป็น CEO คนต่อไป”
คติธรรม ที่ได้ …
เมื่อคุณปลูกความซื่อสัตย์ คุณก็จะได้รับความไว้วางใจ
เมื่อคุณปลูกความดี คุณก็จะได้รับมิตรภาพ
เมื่อคุณปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็จะได้รับความยิ่งใหญ่
เมื่อคุณปลูกความพากเพียร คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกความพิจารณา คุณก็จะได้รับความละเอียดลออ
เมื่อคุณปลูกความทำงานหนัก คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกการให้อภัย คุณก็จะได้รับการคืนดี
ดังนั้น … ตรองดูสักนิดว่าคุณจะปลูกอะไร คุณก็สามารถกำหนดสิ่งที่คุณจะได้รับได้


ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตัวเรายังมีค่าที่สุดเสมอ

อาจารย์คนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ..
ออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่า “มีใครอยากได้บ้างไหม” ทุกคนรีบยกมือ \(^o^”)a
อาจารย์ขยำธนบัตรนั้น “จบยับยู้ยี่” .. แล้วถามอีกครั้งว่า “มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่”
.. ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม .. \(^_^)/
… อาจารย์ถามต่ออีกว่า “ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก
ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่” .. นักศึกษาทุกคน ก็ตอบว่ายังอยากได้ …..อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า ..
“นั้นคือสิ่งมีค่า” ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้! .. ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็ยังคงจะมีราคา 1,000 บาท
อยู่เสมอ .. ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน
บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใคร ซ้ำเติม, เหยีบย่ำ, ถูกขยี้, ยับเยิน, ..
เพราะความผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเอง “ไร้ค่า”
แต่ รู้มั้ย?.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี “คุณค่าของความเป็นคน” ..
ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือว่า ยับยู้ยี่ .. “ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ” จำไว้ ^^

                                                  

                                   ขาว กับ ดำ

                                                            
       ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปคนแตกต่างคน ขาวดํา
                         

นิทานเรื่องนี้เล่าต่อกันมานานแล้ว :
เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา
เป็นกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว
เศรษฐีบอกชาวนาว่า “ท่านเป็นหนี้ข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ ข้าจะยกหนีสินให้ทั้งหมด” ชาวนาไม่ตกลง
เศรษฐีบอกว่า “ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว
ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน
และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า
และแน่นอนข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย”ชาวนาตกลงเศรษฐีหยิบกรวดสองก้นใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่า
กรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำเธอจะทำอย่างไร?
หากเธอไม่เปิดเผยความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง หากเธอเปิดเผยความจริง
เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็ยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน
ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน
พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและสีขาวของสวนกรวด
เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า “ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น
แต่ไม่เป็นไรในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้
ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่ากรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร”
ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ “…ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว”
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้ และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้นเราส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้มองปัญหาแบบขาวกับดำ
แต่ไม่ใช่ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้อย่างขาวกับดำเสมอไป
ในทางตรงกันข้าม หากเราลองมองต่างมุม จะพบหนทางการแก้ปัญหามีมากกว่าหนึ่งสายเสมอ
และการยืดหยุ่นพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เป็นวิธีการหนึ่งโลกไม่มีสีขาวกับดำ

วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560




    ความผิดหวังไม่ได้โหดร้ายเสมอ




รูปภาพที่เกี่ยวข้อง



                                       
                                           

       
      การใช้ชีวิตของคนเราในแต่ละวัน มักจะเจอเรื่องที่ดีและไม่ดี มีทั้งผิดหวังและสมหวัง

 บางคนมักจะ  คิดว่าการที่เราผิดหวังทำให้เราท้อ แต่ทางกลับกัน

ทำไมเราไม่เอาความผิดหวังนั้น มาเป็นแรงผลักดัน   ให้เราสู้ต่อล่ะ . . ✌✌

    อย่าคิดว่าความผิดหวังเป็นเรื่องที่โหดร้าย เพราะบางทีก็อาจทำให้เราโชคดีในวันหน้าก็ได้ . . . ☺☺



                                                                                                        Cr. . . Aseeyah_yah
             


  อาจารย์คนหนึ่งชวนลูกศิษย์เดินเล่นที่ชายหาด


      รูปภาพที่เกี่ยวข้อง





            อาจารย์ได้เริ่มสอนลูกศิษย์ด้วยการใช้ไม้เท้าขีดเส้นสองเส้นลงไปบนผืนทราย เป็นเส้นคู่ขนาน ยาว 5 ฟุต และ 3 ฟุต ตามลำดับ

อาจารย์กล่าวว่า “เธอสามารถทำให้เส้น 3 ฟุต ยาวกว่าเส้น 5 ฟุต ให้หรือเปล่า ไหนลองทำให้ดูหน่อยสิ”

ลูกศิษย์หยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วก็ ลบรอยเส้นที่ยาว 5 ฟุตนั้นให้สั้นลงเหลือเพียง 1 ฟุต ทำให้เส้น 3 ฟุตโดดเด่นขึ้นมา แล้วศิษย์ก็ถามอาจารย์ และขอความเห็นว่า “แบบนี้ถูกหรือเปล่าครับ”

“เหยีบบหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองอยู่สูงขึ้น”
อาจารย์เขกกบาลลูกศิษย์เบา ๆ แล้วบอกว่า ” คนที่จะยกตนเองให้สูงขึ้น โดยการทำร้ายคู่แข่งนั้น ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ถ้าเลือกใช้วิธีนี้ชีวิตเธอ ก็มีแต่จะล้มเหลวไม่พัฒนา ทางที่ดีควรเลือกวิธีที่จะยกตัวเองขึ้น โดยไม่ไปลดคนอื่นลง ”

แล้วอาจารย์ก็ขีดเส้น 2 เส้นให้เท่าเดิม คือ 3 ฟุต และ 5 ฟุต จากนั้นอาจารย์ก็สาธิตให้ดูด้วยการขีดเส้น 3 ฟุตให้ยาวขึ้นเป็น 10 ฟุต แล้วพูดว่า “จงอย่าคิดว่าคู่แข่งของเธอคือศัตรู แต่ให้คิดว่าเป็นครูของเธอ” ที่เธอจะต้องพัฒนาตนเองให้เทียบเท่าหรือดีกว่า ที่จะทำให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม

คนที่พยายามจะเลื่อนตัวเองขึ้นไป โดยการฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน ถึงแม้จะทำให้สำเร็จ แต่นั่นก็เป็นความสำเร็จที่ปราศจากเกียรติคุณ ไม่อาจเอ่ยอ้างได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยวิธีที่ไม่ชอบธรรม กับการเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยปล่อยให้คนอื่นได้ก้าวไปตามวิถีทางของเขา
อย่างเสรีนั้น ย่อมมีผลลัพธ์ที่ต่างกัน

หากไร้คู่แข่งแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีศักยภาพในการทำงานขนาดไหน ไม่มีอัปลักษณ์ก็ไม่รู้จักสวยงาม

นักสู้ที่ดีมักชื่นชมคู่ต่อสู้ที่เข้มแข้ง เพราะคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ จะทำให้ชัยชนะของเขาไม่ยั่งยืนยง ดังนั้นเมื่อได้พบกับคู่แข่งที่แกร่ง และฉลาดล้ำ ก็ยิ่งทำให้เรารู้จักขยับตัวเองขึ้นไปให้สูงส่งยิ่งขึ้น

การเลื่อนตัวเองขึ้นพร้อมกับลดคนอื่นลง เธออาจจะชนะ แต่ก็มีศัตรูตามมาด้วย

แต่การเลื่อนตัวเองขึ้นโดยไม่ไปลดคนอื่นลง เธออาจเป็นผู้ชนะ พร้อมกับยังมีเพื่อนแท้เพิ่มขึ้น และหนึ่งในนั้นอาจเป็นคู่แข่งของเธอเองด้วย


                                                                                ขอบคุณ . . . บทความเรื่องราวดี ๆ จากไลน์


 คนไม่เอาเรื่อง คนที่ยอม ไม่ใช่คนโง่


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คนไม่เรื่องไม่ใช่คนโง่



                                             หลายครั้งที่คนยอมเสียเปรียบ

หลายครั้งที่คนไม่เอาเรื่อง

หลายครั้งที่คนเสียสละ

หลายครั้งที่คนไม่ถกเถียง

นั่นไม่ใช่เพราะโง่ หรือ ไร้หนทางต่อต้านต่อสู้

มีชีวิตมาขนาดนี้...ไม่มีใครโง่กว่าใคร จะพูดหรือไม่เท่านั้น

เราล้วนรู้เช่นเห็นชาติ ความผิดพลาด ความเห็นแก่ตัว การเมามัวในศักดิ์ศรี

คนที่ยอม ไม่ใช่ใจอ่อน หรือ อ่อนแอ

แต่เป็นคนจิตใจดี เพราะใครทำผิดกี่ทีก็ให้อภัยได้

ลองเป็นคนยอม...จะรู้สึกดี ปลดปล่อย ไม่เป็นทุกข์

เราจะไปทุกข์ทำไมกับการยึดมั่นถือมั่น



easy come, easy go,
Little high, little low,
..............................
Nothing really matters !!
 ✌✌


                                                                   ขอบคุณ . . . บทความเรื่องราวดี ๆ จากไลน์ 

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

              

                        ครอบครัวอบอุ่น



                        ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ครอบครัวอบอุ่น
ครอบครัวอบอุ่น   ผมได้ทำการวิจัยเชิงคุณภาพ ครอบครัวอบอุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันรามาจิติ สสส. และ สกว. มีรายละเอียดบทคัดย่อดังนี้  อยากให้ท่านได้รวมแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ  1. ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ครอบครัวอบอุ่น2. เพื่อศึกษาการอบรมเลี้ยงดูบุตรของครอบครัวอบอุ่น  3.  เพื่อศึกษาแนวทางส่งเสริมการสร้างครอบครัวอบอุ่น การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยคณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาจากกรณีศึกษา 1 ครอบครัวที่ได้รางวัลชนะเลิศครอบครัวอบอุ่นระดับอำเภอเมืองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2550 และได้สนทนากลุ่มทั้งหมด 11 คน  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์และแบบสนทนากลุ่ม   ผลการวิจัยปรากฏว่า 
   1.ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ครอบครัวอบอุ่น ได้แก่   1)  มีรูปแบบครอบครัวที่ดี ได้แก่ มีจุดหมายในการสร้างครอบครัวร่วมกัน  รับฟังซึ่งกันและกัน สร้างครอบครัวร่วมกัน ประกอบอาชีพเพื่อหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ในการจุนเจือครอบครัวอยู่ดีมีสุข และ เป็นครอบครัวที่อยู่รวมกันที่ประกอบด้วยเครือญาติ เช่น ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ลูก และหลาน   2)   สมาชิกภายในครอบครัวรู้บทบาทหน้าที่ของตน โดยพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น เช่น ไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน พูดจาสุภาพ มีความซื่อสัตย์ต่อกันทั้งกายและจิตใจ  ทั้งการเงิน เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดูแลบุพการี และเชื่อว่าเมื่อเราทำความดีเราย่อมได้รับสิ่งที่ดีดี มีวิธีการประชุมปรึกษาในครอบครัว และใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต   3  มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันได้แก่ พ่อแม่เป็นกันเองกับลูก  มีการทำงานอดิเรกรวมกันกิจกรรมต่างๆร่วมกัน เช่นไปเที่ยวทะเล  ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ ถางหญ้า  พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง เวลามีปัญหาต้องช่วยกันแก้ไขรวมกัน   4  ครอบครัวที่พึ่งพาตนเองได้ มีการวางแผนชีวิต สอนให้ลูกทุกคนทำงานตั้งแต่เล็ก โดยสอนวิธีการทำงานให้การศึกษาแก่ลูกทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนสอนคิดเป็น ทำเป็นและแก้ปัญหาเป็นสอนให้มีความขยันมีมานะอดทน ควรตามใจในทางที่ถูกที่ควรจากการได้มาและเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น และ    ครอบครัวมีเกื้อกูลสังคมอย่างมีคุณธรรม ช่วยเหลือสังคม  ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ  เป็นมิตรกับทุกๆคนมีการแบ่งปันสิ่งที่เรามีให้กับผู้อื่น 2. วิธีการเลี้ยงดูบุตรของครอบครัวอบอุ่น  ได้แก่  1)  พัฒนาทางด้านร่างกามี ดังนี้ ให้รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ  ดูแลบ้านให้บ้านมั่นคง แข็งแรง และสะอาด สอนและฝึกให้บุตรดูแลร่างกายอย่างถูกวิธี   2)   พัฒนาด้านอารมณ์จิตใจ  คือ  มีแสดงความรักโดยการสัมผัสและบอกรักตรง  3)   พัฒนาด้านสังคมและบุคลิกภาพ ได้แก่ การเป็นตัวอย่างที่ดี ฝึกมารยาทและปลูกฝังค่านิยมที่ดีต่อบุตร เมื่อบุตรทำผิดมีวิธีการตักเตือน ลงโทษ ที่เหมาะสม เมื่อบุตรทำดีมีวิธีการเสริมแรง  มีวิธีการสอนเรื่องเพศในเวลาและวิธีการที่เหมาะสม   สอนการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การแบ่งปัน ความเกรงใจ การเคารพในสิทธิของผู้อื่น การมีมารยาท ความเป็นคนมีระเบียบ ความรับผิดชอบ และรอบคอบ  4)  พัฒนาด้านสติปัญญา ได้แก่ สอนให้บุตรริเริ่ม ทดลอง ทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง กระตุ้นให้บุตรเป็นคนช่างสังเกต ช่างคุย ช่างถาม  สอนให้บุตรมีทักษะทางภาษา  สอนทักษะการทำงานตั้งแต่เด็ก  สอนให้เด็กเรียนรู้จากสื่อ โดยมีปฏิสัมพันธ์ขณะใช้สื่อ 3. แนวทางส่งเสริมการสร้างครอบครัวอบอุ่น   1)  ถ่ายทอดประสบการณ์ของครอบครัวอบอุ่นโดยตรงและผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง   2 สร้างความตระหนักรู้สึกรับผิดชอบในสถาบันครอบครัว เช่นการจัดค่ายครอบครัวอบอุ่น การทำกิจกรรมรวมกันของครัวครัวแต่ละครอบครัว    
  
                                                                 บันทึกโดย . . . 

                                            นาย สุรัตน์ชัย พรมเท้า


  การเสียสละ


ความเสียสละหมายถึงอะไร ตัวอย่างของการเสียสละ





      ในขณะที่โลกหมุนไปข้างหน้าอย่างรวมเร็ว แทบทุกอย่างในสังคมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้คน จำนวนประชากร จำนวนรถราบนท้องถนน จำนวนบ้านเรือน แต่สิ่งที่กลับน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือสิ่งที่เรียกว่า “เสียสละ” ของคนในสังคม การที่คนคนหนึ่งจะยอมเสียประโยชน์ของตนเพื่อเพื่อนมนุษย์ หรือเพื่อสัตว์โลกนั้นนับว่ายากมาก หรือแทบจะไม่มีโอกาสเลย

“ทางที่เหมาะอย่างหนึ่งก็โดยพยายามทำประโยชน์ เสียสละเพื่อผู้อื่นและส่วนรวมให้มากขึ้น การปฏิบัติงานด้วยความเสียสละอย่างนั้น ยิ่งกระทำมากเท่าใด จะช่วยให้เกิดความสามารถและความเชี่ยวชาญขึ้นเท่านั้น ทั้งเมื่อเคยชินกับการประพฤติปฏิบัติความดีแล้ว จะสามารถป้องกันความชั่วและความเสื่อมเสียทั้งปวงได้อย่างดีที่สุดด้วย ขอให้บัณฑิตทั้งปวงนำไปพิจารณาใคร่ครวญให้เห็นชัด เพื่อประโยชน์ในกาลภายหน้าของตนๆ” และนี่ก็คือ บทความที่ในหลวงท่านทรงพระราชทานแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๔ เพื่อปลูกฝังและเป็นรากฐานของประเทศต่อไป

ความว่าเสียสละนั้นหากจะแปลความหมายได้ตรงตัวนั้นก็คือ การที่ยอมละทิ้ง หรือสละประโยชน์ที่เป็นของตนเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อไป โดยยินยอมอย่างเต็มใจซึ่งอาจจะว่าได้ว่า คำว่า “เสียสละ” คำนี้มีความหมายในทิศทางเดียวกับคำว่า “ทาน” ตามหลักพระพุทธศาสนา สำหรับผู้ที่ยอมเสียสละสิ่งต่างต่างที่เป็นประโยชน์กับตนเอง เพื่อนำไปสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ นับว่าเป็นผู้ที่ประเสริฐยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละอะไรก็ตามก็นับว่า “เสียสละ” โดยไม่ใช่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องเงิน เรื่องทอง เสมอไป

การที่นายทหารเสียสละเวลา เสียสละความสุขที่จะได้อยู่กับครอบครัว กับคนที่รักไปประจำการอยู่ตามชายแดนต่างไกลจากคนที่ตนรักนั้น หรือเพียงแม้แต่การสละเงินทองอันน้อยนิดเพื่อประโยชน์ต่อคนอื่น ต่อผู้ยากไร้ก็นับว่าเป็นการเสียสละเช่นกัน “เสียสละ”  หรือการให้ทานนั้นไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นกับผู้มั่งคั่ง ผู้ร่ำรวยแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในสังคม ทุกโอกาส หากลองมาคิดภาพตามกันดูว่าหากทุกคนในสังคมยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพียงคนละเล็กน้อย สังคมนั้นก็คงจะมีความสุข และอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบเรียบร้อย การที่คนรวยยอมเสียสละทรัพย์ช่วยเหลือคุณภาพชีวิตคนที่อัตคัดขัดสน การที่คนอัตคัดยอมเสียสละเวลาเพื่อเก็บกวาดถนนชุมชน หรือแม้กระทั่งการที่พระสงฆ์ หรือนักบวชยอมเสียสละเวลาศึกษาพระธรรมคำสอนเพื่อโปรดสัตว์โลก ถ่ายทอดความเป็นจริงของโลกให้ทุกคนรู้

กลับมามองที่จุดที่เล็กที่สุดของสังคม นั้นก็คือ “ครอบครัว” การปลูกฝังให้เด็กเล็กในครอบครัวของตนมีจิตใจที่เสียสละต่อผู้อื่นนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อการสร้างรากฐานที่ดีของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการชวนเด็กเด็กไปทำบุญ ช่วยเหลือตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้จะเป็นการสอนให้รู้จักการเสียสละ สิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างขนม ของเล่นให้แก่เพื่อน เพียงเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆเหล่านี้จะเป็นการปลูกฝังให้สังคมนั้นนั้นลดการเห็นแก่ตัวเห็นแก่ประโยชน์ของตน แล้วหันมามองประโยชน์ของเพื่อมนุษย์คนอื่น ดังเช่นที่พระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนกได้ดำรัชไว้ว่า

         
         ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง  ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
    ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ตัวท่านเอง  ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์

                                  


 ความเห็นแก่ตัว


     ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิยามความเห็นแก่ตัว



                                   
      คำเตือน บทความต่อนี้ มีเนื้อหาที่ ค่อนข้างรุนแรง และแสดงออกถึงความตรงไปตรงมา หากผู้อ่านไม่มีความอดทนอดกลั้นพอ หากจุดใดไปกระตุ้นต่อมอารมณ์ อาจบังเกิด โมหะ และ โทสะ ได้ จึงขอบอกกล่าวล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้ หากมีความพร้อมที่จะเปิดใจยอมรับความคิดเห็นผู้อื่นได้ ก็เชิญอ่านได้

เห็นแก่ตัว คำง่ายๆที่ความหมายครอบคลุมพอสมควร ความหมายในที่นี้ คือเห็นแก่ตัวชนิดที่จะเอาเปรียบผู้อื่น "เราได้ก็แล้วกัน,คนอื่นไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" ซึ่งก็จะรวมไปถึงเห็นแก่พวกพ้อง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว และก็คือความไม่เห็นแก่ส่วนรวม ไม่มีความเสียสละให้ส่วนรวม

เสรีนิยม บอกกล่าวถึงความมีเสรีภาพที่ใครจะสนองตัณหาตนเองเท่าไหร่ก็ได้ หากว่ายังอยู่ในกรอบที่เหล่าผู้ตั้งกฎไม่เห็นว่าผิด เป็นเหตุให้เหล่าผู้คนหาช่องทางที่อ้างเสรีภาพ ควักความเห็นแก่ตัวมาแผ่หลาให้คนอื่นเห็น
ทุนนิยมที่บูชาเงินตรา ทุนทรัพย์ เพื่อสร้างสรรค์ โอกาสแห่งความโลภต่อผลประโยชน์ที่ ต้องแข่งกันมือยาว ใครยาวกว่าก็ได้รับก้อนเค้กอันแสนกลมกล่อมด้วยกลิ่นเงินตรา ที่อาบด้วยน้ำตาแห่งความปวดร้าวของผู้บริโภค

ทุนนิยมสามานย์นี้เองเป็นตัวกระตุ้น ความเห็นแก่ตัวให้ออกมาเพ่นพ่าน มากขึ้น การใช้ชีวิตของผู้คนในกระแสทุน ชาวบ้านเดินดินกินข้างแกง ใช้แรงงาน จะเอาอะไรไปต้านความเชี่ยวกราดของ คลื่นทุนที่ถาโถมซัดเข้าสู่ผู้คนจนแทบจะจมน้ำ หายใจหายคอไม่ทันหากมัวแต่พยายามต้านคลื่นยักษ์นี้ พวกเขาทำได้ก็เพียงแต่ เกาะขอนไม้ที่เหล่านายทุนนั้นเป็นคนโปรยลงมาให้เพื่อประทังชีวิตต่อไปวันๆ แล้วก็กลายเป็นหนี้บุญคุณกันไป ขึ้นอยู่กับหน้าของนายทุนนั้น ว่าจะแดงฉานแค่ไหน

หันมองสอดส่องสายตาไปทางไหนๆ ก็มองเห็นแต่ ความเห็นแก่ตัวที่เคลือบร่างของผู้คนอยู่แทนผิวหนัง แถมยังเปิดเผยออกมาให้เห็นกันจะๆไปเลย อย่างไม่หลงเหลือความยางอายอีกต่อไป

กระดานสนทนา กระดานข่าวที่เป็นสื่อเสรีใหม่ที่ทำให้ ผู้คนมีปากมีเสียงมากขึ้น แต่นั่นก็คือ เครื่องมือ ที่โชว์ภาพความเห็นแก่ตัวออกมาให้ยลโฉม อันแสนอัปลักษณ์ ได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน

กูรูมากมาย ออกตัวกันเพ่นพ่านตามกระดานสนทนา รู้ดีรู้มาก รู้ไปหมด รู้ทุกอย่าง รู้ทุกปัญหา ด่าคนโน้น ด่าคนนี้
ไอ้นั่นไม่ดี ไอ้นี่ไม่ใช่ พล่ามกันไปต่างๆ นานา แต่ท้ายที่สุดก็มีดีแต่ปาก ปากที่พ่นน้ำลายแตกฟองบอกว่า รู้นั่นรู้นี่
แต่ก็ไม่เคยได้ทำอะไรซักอย่าง ดีแต่เห่าหอนอยู่ ตามโลกไซเบอร์ (นี่ยังไม่นับรวมที่ว่ากันว่ามีพวกรับจ้างนะ)

แล้วก็มักมีข้ออ้างแห่งความไร้ซึ่งอำนาจ ที่จะทำอะไร บอกแต่เพียง ผู้มีอำนาจไม่ทำ ตนเองก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วก็ได้แต่รอคอยความหวังว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น โดยที่ตัวเองงอมืองอเท้า เฝ้ารอคอย อัศวินม้าขาวมาช่วยเหลือ

นี่คือความเห็นแก่ตัวของเหล่าชนชั้นกลาง ผู้ที่มีความคิดมีความรู้ ที่กล่าวอ้างไว้ด่า ชาวบ้านว่า รากหญ้าโง่ ไม่รู้ทัน พวกกรูสิ เรียนมา กรุเก่ง กรุรู้ทัน แต่กรุรุ้อย่างเดียวพอนะ กรุไม่ทำอะไรหรอก เพราะ ห่วงแต่ปากท้อง มองหาแต่เงินตรา วัตถุ ไม่กล้าพอที่จะไปสู้อะไรกับเหล่าผู้มีอำนาจ เดี่ยวชีวิตจะลำบาก

ชนชั้นล่าง เองที่โดนชนชั้นบนกว่าเอาเปรียบอยู่เสมอๆ ก็ต่างรอคอยการโปรยปรายของเมล็ดผลประโยชน์ ที่จะสนองตอบต่อความเห็นแก่ได้ ปากท้องของพวกเขา ซึ่งแท้จริงแล้วความเห็นแก่ตัวนั้นๆก็ไม่ได้ต่างอะไรกับชนชั้นอื่นๆ นักหนา เพียงแต่ว่า เค้ามีโอกาสและทุนทรัพย์น้อยกว่าคนอื่นๆ เพียงเท่านั้นเอง ทำให้พวกเขาต้องเป็นเช่นนั้นโดยที่ ไม่สามารถปฏิเสธได้

สื่อเองที่มีหน้าที่ นำเสนอข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชน ซึ่งควรที่จะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม แต่นั่นมันเป็นเรื่องในตำรา ในความจริง มันผิดกัน ไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาทำให้ประชาชนอ่าน มีเพียงอุดมการณ์จะทำได้อย่างไร จะเอาอะไรกิน ปากท้องเรื่องใหญ่
สื่อ ในทุกวันนี้อันไหนจะทำเพื่อส่วนรวม ก็จะมีน้อยมากๆ เพราะ ปัจจัยต่างๆที่รุมเร้า ให้สื่อต้องทำเพื่อผลประโยชน์ ของตัวสื่อเอง

ผู้คนทั้งหลาย ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่รู้จักสำเหนียก เรื่องของผลประโยชน์ส่วนรวม ความเสียสละเพื่อส่วนรวม เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ไม่สำนึกถึงพ่อแม่ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษที่ เคยเสียสละมาก่อน ทำให้ เราได้มีแผ่นดินอยู่กันทุกวันนี้

ความเห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่ชาติบ้านเมือง กลายสภาพเป็นคำที่สงวนไว้ให้เหล่าผู้มีอำนาจ ชนชั้นสูง เหล่า ทหาร อำมาตย์ หรือแม้กระทั่งกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆที่พยายามเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อผลประโยชน์ ที่ออกปากกล่าวอ้างกันปาวๆ ว่าแต่ละคนก็ต่าง ทำเพื่อชาติ เสียสละเพื่อส่วนรวม

นักการเมือง เอ่ย ถึงการเสียสละเพื่อชาติ ได้ยินแล้วมันช่าง สร้างความกระอักกระอ่วน ให้กับโสตประสาท เพราะว่าคำพูดที่กล่าวอ้างมักที่จะไปจบในตอนท้ายเหมือนๆกันไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองยุคสมัยไหนก็ตาม คือ ผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง แต่การเริ่มต้นก็คือ นักการเมืองผู้เสียสละ เหมือนๆกัน

เหล่าผู้มีอำนาจ ต่างก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวนั้น มักที่จะกล่าวอ้างการทำเพื่อชาติ ใครๆ ก็แก่งแย่งกันทำเพื่อชาติ
ไม่ว่าจะหน้าไหนๆ ก็พ่นลมปากว่าทำเพื่อชาติไม่ต่างกันเลย แต่แล้วที่สุด นั้นก็ยังไม่เห็นว่าชาติที่ทำกันนักกันหนานั้นมันอยู่ไหน คงเป็นชาติหน้า หรือไม่ก็ชาติไหน ทำให้แย่งรุมแย่งกันทำเพื่อชาติอย่างตละกะตละกราม

ไม่ต่างอะไรกับเหล่าผู้รับใช้อำนาจที่เตรียมลิ้น รอไว้ละเลงเกือกคู่ไหนก็ได้ ที่อยู่ในอำนาจ ไม่ว่าจะเกือกหนังของนักการเมือง เกือกราคาแสนแพงของเหล่าพ่อค้า หรือ แม้กระทั่งท๊อปบู๊ทของเหล่าทหารผู้ทรงอำนาจ การกระทำที่แสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ เหล่านี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ ในสังคม

เสียสละ กับ เพื่อส่วนรวม ถ้ามัน จะสงวนเอาไว้ใช้ กับเหล่า ผู้มีอำนาจปกครอง ถ้าเช่นนั้น ก็เอามันออกไปจาก พจนานุกรมเถิด หรือ ไม่ก็ บอกให้ชัดเจนไปเลยว่า คำนี้เป็นคำต้องห้ามสำหรับสามัญชน รากหญ้า รากแก้ว รากฝอย รากอะไรต่อมิอะไรก็ตามแต่จะคัดสรรค์คำเรียกกันไป

ถ้าหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ วงจรณ์อุบาทว์ ก็จะวนเวียนไปไม่รู้จักจบสิ้น เพราะ ต่างคนต่างเห็นแก่ตัว ไม่มีใครหน้าไหนจะเสียสละทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อผลประโยชน์ของชาติ มีแต่คำพูด ที่พูดกันปาวๆ พูดกันเหมือนๆกันหมด ว่าทำเพื่อส่วนรวม เห็นแก่ส่วนรวม แต่ไม่ทำ เห็นแก่ตัวกันไปหมด

ประชาธิปไตยให้สิทธิ์ เสรีภาพ ทุกคน เท่าเทียมกัน แต่ผู้คนกลับนำไปใช้กันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ซะมาก
หยิบยกอำนาจแห่งประชาธิปไตย มอบให้ผู้อื่นโดยไม่คิดจะทำอะไรเอง เพราะความมักง่ายและเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยง เสียเวลา ห่วงปากท้อง 108เหตุผลที่หยิบยกกันมา

แล้วยังมีความเข้าใจผิด เกี่ยวกับการทำเพื่อส่วนรวมที่ ไปมองถึงการไปอาสาพัฒนาต่างๆ หรือการบริจาคทุน อะไรต่อมิอะไร แต่ไม่มองความเป็นจริงว่า นอกเหนือไปกว่านั้นว่า การทำเพื่อส่วนรวมคืออะไรที่แท้จริง

คนเราสายตาสั้นหรืออย่างไร ถึงไม่มีใครพยายามที่จะมองเห็นภาพอนาคตที่ลูกหลานจะต้องมาทนอยู่กับสภาพสังคมที่เหลวแหลกไม่มีชิ้นดี มีร่างกายและจิตใจแต่ก็ถูกกำกับควบคุมไปหมด สิ้นสภาพความเป็นคน ไม่ต่างอะไรกับสัตว์หรือหุ่นยนต์ที่คอยตามคำสั่งและหน้าที่ นั่นจะเป็นผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจากความเห็นแก่ตัวของยุคเรา ซึ่งมันจะส่งผลต่อๆ ไปในยุคหลังจากนี้

หรือเพราะว่ามันไม่สลักสำคัญอะไรต่อปากท้องเราๆ ท่านๆ จึงไม่แยแสใยดีกัน เพราะว่ามันยังมาไม่ถึง เพราะว่ามันยังไม่มีผลกระทบกับเราเราเลยไม่สน คนเราเห็นแก่ตัวกันเกินไปหรือเปล่า

แล้วที่เราอาศัยอยู่กันได้ทุกวันนี้นี่ บรรพบุรุษเรา เป็นอย่างที่เราเป็นกันอยู่นี่หรือไม่ ท่านเห็นแก่ตัวกันทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้ไหม บรรพบุรุษท่านปล่อยให้ความเห็นแก่ตัวครอบงำจนไม่ทำอะไรไว้ให้เราเลยหรือเปล่า ซึ่งก็ไม่น่าใช่เพราะเรามีวันนี้ เพราะพวกท่านทำไว้ให้พวกเรา แล้วเราจะทำไว้ให้คนรุ่นหลังหรือไม่

หรือว่าจริงๆแล้ว ความเห็นแก่ตัว ที่เป็นกันอยู่นี้เป็นเรื่องปกติสุขที่เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น ที่ผู้เขียนคนเดียวที่เพ้อไปเอง

ขณะที่เขียนนี้ตัวผู้เขียนเอง ก็ได้แต่หวังว่า ตนเองจะพยายามลดความเห็นแก่ตัวลงได้บ้าง และอยากที่จะทำเพื่อส่วนรวม แต่ยังมองไม่เห็นหนทาง เพราะมองไปทางไหน ก็มีแต่เรื่องผลประโยชน์เห็นแก่ตัวมากกว่าที่จะเจอหนทางที่จะทำเพื่อส่วนรวมที่แท้จริงปรากฎออกมา แต่เมื่อใดที่มีโอกาส ก็คิดว่าจะทำโดยที่ไม่ลังเล และไม่ใช่ดีแต่พูด



Create Date : 02 ธันวาคม 2549
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 15:28:25 น.

  นิยามคำว่า ''ความทุกข์



   
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

       

      เมื่อมีเกิดย่อมมีทุกข์ สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลกใบนี้ย่อมหลีกหนีไม่พ้นกับคำว่า “ความทุกข์” ความจริงอันประเสริฐที่เรียกได้ว่าความทุกข์ไม่เคยที่จะหนีหายไปจากชีวิตสักที ความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดทุกเวลา ทุกข์จะเล็กน้อยหรือทุกข์จะยิ่งใหญ่มากเจียนตายนั้นก็แล้วแต่ว่า คนผู้นั้นพิจารณาความทุกข์นั้นอย่างไร ดังเช่นทุกข์ที่ทำงานผิดพลาดแต่เมื่อได้รับคำนะนำแก้งานก็ทำผ่านได้อย่างมีความสุข ทุกข์ที่เจ็บป่วยแต่พอได้รับการรักษาก็หายป่วยอย่างมีความสุข ดังนั้นการที่จะหลีกหนีให้พ้นจากความทุกข์นั้นแล้ว นับว่ายากยิ่งนักแต่การที่นำความทุกข์มาพิจารณาเพื่อดับทุกข์กลับทำได้ง่ายกว่า



    
 หากหยิบคำว่า “ทุกข์” ที่แทบจะไม่มีใครอยากรับฟังและรู้จักกับคำคำนี้ ซึ่งแปลได้ว่า การทนอยู่ในสภาพเดิมได้อยากซึ่งเหตุเกิดมาจากร่างกายของตน 
      หากพิจารณากันดูแล้ว ความทุกข์เป็นเพียงสิ่งที่เข้ามาชั่วคราว ไม่ว่าทุกนั้นจะหนักหนาสาหัส หรือเล็กน้อยเพียงใดเข้ามาก็ย่อมผ่านไปไม่มีอะไรจะอยู่กับเราได้ยั่งยืนตลอดกาลเวลา ไม่มีคนใดเกิดมาเพื่อทุกข์และไม่มีคนใดเกิดมาเพื่อสุขเพียงอย่างเดียว หากได้ลงไปเรียนรู้ พิจารณากับความทุกข์นั้นแล้วละก็ ตัวเรานั้นก็จะพบหนทางหมดทุกข์และแก้ไขปัญหาทุกข์ทนเหล่านั้นผ่านไปได้แน่นอน

                                                                                      ภาพประกอบจาก pixabay.com



                                นิยามคำว่า ''ความสุข''



                                   ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิยามความสุข




คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย 
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือ คนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง 
และความหมายของความสบายใจ คือ หนึ่ง เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีดี คุณน่าคบหา และคุณทำได้ 
สอง รู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ 
สาม ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น 
สี่ เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ 
ห้า วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน 
หก กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ 
เจ็ด มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย 
แปด มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน 
เก้า นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง
สิบ เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่น ๆ และตัวเองด้วย 
ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป 
เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง 
ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ
ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่า ค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน เชื่อเถอะ เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง !!! 

     ที่มา : จากเมลล์หนึ่งในอินเตอร์เน็ต ไม่ระบุผู้เขียน ความหมายซาบซึ้งกินใจ....ขอบคุณท่านผู้เขียนมากค่ะ ที่ช่วยให้เราเข้าใจความสุขดีขึ้น จึงบันทึกไว้แบ่งปันสำหรับทุกท่าน ที่อาจจะยังไม่มีนิยามของความสุข